ปี 2020 เป็นปีที่ประเทศไทยได้ออกกฎหมายแบนเม็ดบีดทั้งหมดที่ทำจากไมโครพลาสติก โดยเม็ดบีดเหล่านี้มีผสมอยู่ในสบู่ และเครื่องสำอางหลายชนิดในท้องตลาด ทำหน้าที่เป็นสครับสำหรับขัดเซลล์ผิวตายให้หลุดออกทำให้ผิวมีสุขภาพดี ด้วยขนาดของเม็ดที่เล็กมากก็ดูแล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่รู้หรือไม่ว่าเม็ดบีดส์เล็ก ๆ เหล่านี้ได้สร้างภาระต่อโลกเราอย่างมากมายจนประเมินไม่ได้เลยทีเดียว
เราพบว่าสบู่ที่กดในหนึ่งครั้งจะมีเม็ดบีดส์ผสมอยู่มากกว่า 100,000 เม็ด ปัญหาคือเม็ดบีดส์เหล่านี้จะไหลเข้าสู่สิ่งแวดล้อมหลังจากการใช้งาน และจุดหมายแรกของมันก็คือทะเล ไปสิ้นสุดในท้องของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ รวมถึงในท้องของคนที่นำสัตว์ทะเลมาบริโภคต่อด้วย เม็ดพลาสติกเหล่านี้เมื่ออยู่ในร่างกายนาน ๆ ก็จะทำให้มนุษย์เราเจ็บป่วยได้ นอกจากนั้นตามรายงานยังพบว่าสัตว์ต่าง ๆ จำนวนมากก็ได้รับผลกระทบจากพลาสติกที่ถูกทิ้งลงสู่ธรรมชาติด้วย และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้โลกเกิดการตื่นตัวเรื่องการใช้ไมโครพลาสติกจนต้องออกกฎหมายแบนไปแล้วอย่างน้อย 15 ประเทศทั่วโลก
หลังจากมีการแบนเม็ดสครับจากไมโครพลาสติก เม็ดสครับจากธรรมชาติเริ่มกลับมาถูกให้ความสนใจอีกครั้งในวงการความสวยความงาม เพราะนอกจากจะไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้แล้ว ภาพลักษณ์ของบริษัทเครื่องสำอางเหล่านั้นยังดูดีขึ้นอีกด้วย ก่อนหน้านี้มนุษย์เราก็มีสครับธรรมชาติใช้กันมานานแล้ว เม็ดบีดส์สครับพลาสติกเพิ่งถูกนำมาใช้ทดแทนเม็ดสครับจากธรรมชาติเพียงเพราะราคาถูกกว่าเท่านั้น แต่ในเชิงคุณประโยชน์แล้ว เม็ดบีดส์สครับที่ได้จากธรรมชาตินั้นมีประโยชน์กว่ามากมาย เพราะนอกจากจะทำหน้าที่ขัดเซลล์ผิวเก่าแล้ว สครับจากธรรมชาติจะยังทำหน้าที่บำรุงผิวจากสารอาหารที่มีอยู่ในตัวเองด้วย แต่เนื่องจากความยุ่งยากในการผลิตและต้นทุนการผลิตที่สูง เลยทำให้เม็ดสครับจากธรรมชาติจึงจะมีผสมอยู่เฉพาะในสบู่ และเครื่องสำอางที่มีราคาแพงเท่านั้น
เม็ดสครับตามธรรมชาติที่ใช้กันโดยทั่วไปสามารถแบ่งออกได้หลายประเภท โดยสามารถแบ่งได้จากความแข็ง ขนาดของเม็ดบีดส์ ความหยาบของเม็ด และคุณประโยชน์ที่ต่างกันดังนี้
1.เม็ดสครับจากเปลือกถั่ว ถั่วเปลือกแข็งมีหลายชนิดที่สามารถนำมาบดละเอียดทำเม็ดสครับได้ ยกตัวอย่างเช่น เปลือกถั่ววอลนัท, อัลมอนต์ และเฮลเซนัท เปลือกถั่วเหล่านี้มีสารอาหารสูงทั้งโปรตีน ไขมัน และแร่ธาตุอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อร่างกาย ตัวเปลือกเองแม้มีความแข็งสูง แต่เมื่อนำมาบดจนละเอียด จะมีสัมผัสที่ไม่หยาบไม่บาดผิว นอกจากนั้นยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ หลังจากใช้จะทำให้รู้สึกถึงความนุ่มลื่นของผิว ผิวจะไม่มัน แต่ก็ไม่แห้งตึง เม็ดสครับจากเปลือกถั่วจะทำหน้าที่เป็นตัวเคลียร์ผิวก่อนทาครีมบำรุงได้ดี เปลือกถั่วจะชะล้างไขมันจากผิวชั้นนอกออก ทำให้เนื้อครีมซึมซาบเข้าสู่ผิวชั้นในได้ง่ายขึ้น
2.เม็ดสครับจากหินพัมมิส (หินแร่ภูเขาไฟ) หินชนิดนี้เกิดจากการเย็นตัวของลาวาภูเขาไฟที่หลอมละลายรวมแร่ธาตุนานาชนิดไว้ด้วยกัน เมื่อนำมาบดละเอียดจึงมีคุณประโยชน์สูง เม็ดสครับจากหินแร่ภูเขาไฟจะมีความแข็งมากเหมาะสำหรับใช้กับผิวในส่วนที่มีความหยาบกระด้างเช่น มือหรือเท้า ใช้ได้อย่างดีสำหรับการขจัดเซลล์ผิวเก่าที่จับตัวหนา หรือแม้กระทั่งการทำความสะอาดผิวส่วนที่สกปรกมากเป็นพิเศษ ทำให้ผิวสะอาดหมดจด และมีความอ่อนนุ่มขึ้น
3.เม็ดสครับจากเมล็ดพืชที่มีน้ำมันสูง เช่น เมล็ดโจโจ้บา (JoJoba) และเมล็ดมะกอก พืชสองชนิดนี้อุดมไปด้วยน้ำมันซึ่งมีประโยชน์ต่อการบำรุงผิว และเส้นผม ตัวเมล็ดสามารถนำมาบดละเอียดเพื่อนำมาใช้สครับผิวได้ โดยเม็ดสครับจากพืชน้ำมันสูงมีความโดดเด่นตรงที่เมล็ดไม่หยาบมากเป็นทรงกลม สามารถบดได้ขนาดค่อนข้างละเอียด ทำให้ตัวเม็ดบีดส์มีความอ่อนโยนต่อผิว สามารถใช้ขัดผิวหน้าได้ นอกจากนั้นน้ำมันในเมล็ดยังมีประโยชน์ในการบำรุงผิวให้ชุ่มชื่นอีกด้วย
นอกจากเม็ดบีดส์สครับที่เราล่าวมาแล้วก็ยังมีเม็ดสครับจากธรรมชาติอีกหลายชนิด เช่น เม็ดสครับจากแอปริคอต, เม็ดสครับจากเม็ดสตอรเบอรี่ รวมถึงสครับหยาบที่ทำจากผลึกเกลือ, น้ำตาล และกากกาแฟ โดยสครับแต่ละชนิดก็จะแตกต่างกันในเรื่องของกลิ่น ความหยาบของเม็ดบีดส์ และสารอาหารบ้าง แต่สิ่งที่หมือนกัน คือปลอดภัยต่อผิวมนุษย์ และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย เพราะฉะนั้นเมื่อต้องเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีเม็ดบีดส์สครับก็อย่าลืมอ่านฉลากก่อนนะคะว่าเม็ดบีดส์ที่ผสมมานั้นทำจากอะไร เพื่อที่เราจะได้นำไปใช้งานให้เหมาะสม และเน้นเลือกเม็ดสครับที่ทำมาจากธรรมชาติเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลสิ่งแวดล้อมของโลกนี้ไปด้วยกัน